CSR
การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
นโยบายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าลักษณะธุรกิจของบริษัทจะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม หรือก่อให้เกิดมลภาวะอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกับโรงงานอุตสาหกรรม หรือธุรกิจบางประเภท แต่บริษัทก็ให้ความสำคัญ และตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน จึงให้ความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด และยังได้กำหนดเป็นนโยบาย และแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน และดำเนินการในเรื่องการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการต่างๆ ภายในบริษัท
แนวทางปฎิบัติด้านสิ่งแวดล้อม
ในปี 2565 บริษัทได้มีการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นกรอบ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจขององค์กรที่รับผิด ชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยสาระสำคัญของกรอบการดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และแนวปฎิบัติครอบคลุมเรื่องต่างๆ ดังนี้
1. ปฎิบัติตามข้อกำหนด และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
2. จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนนโยบายลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม
3. นำประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นปัจจัยในการประเมินความเสี่ยงในการบริหารงาน การปฎิบัติงาน และ กระบวนการตัดสินใจทางธุรกิจ
4. พัฒนา และปรับปรุงกระบวนการทำงานต่างๆ เพื่อให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดหรือไม่กระทบเลย และ สนับสนุนการใช้ทรัพยากรในอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพ
5. รณรงค์ และสนับสนุนให้พนักงานมีจิตสำนึก หรือทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมทั้งในสถานที่งาน และสถานที่พัก อาศัยส่วนตัว
6. ป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษ หรือทำลายสิ่งแวดล้อมจากการทำกิจกรรม หรือจากขั้นตอนการดำเนินงานในบริษัท
7. สนับสนุนการซื้อสินค้า หรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
8. ศึกษาแนวทาง และการดำเนินการต่างๆ ว่าแนวทางใดบ้างที่จะช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายในบริษัท
แผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
ในปี 2565 บริษัทได้มีการกำหนดแผนการในการปฎิบัติด้านสิ่งแวดล้อมขึ้น เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและเพื่อเป็นการผลักดันให้แนวทางดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จึงได้มีการกำหนดแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจนถึงปี 2566 เพื่อกระตุ้นให้เกิดโครงการ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงาน และผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนติดตามดูแลการดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามแผน บริษัทได้มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมตามแผนที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด – 19 ในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินการในบางกิจกรรมอาจจะไม่สัมฤทธิ์ผลตามที่ตั้งใจไว้ เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน (Work from home) โดยเฉพาะในเรื่องการอบรมให้ความรู้กับพนักงานที่ต้องการอาศัยการปฎิบัติควบ คู่ไปด้วย เช่น กิจกรรมการแยกขยะ การลดใช้โฟม การรณรงค์ให้เดินทางโดยรถสาธารณะ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการจัดอบรมในหัวข้อ “Preliminary to corporate sustainability”เพื่อให้ผู้บริหาร และพนักงานได้เข้าใจหลักการและความสำคัญของ Corporate Sustainability โดยจัดการอบรมทั้งหมด 2 รุ่น ให้กับฝ่ายงานด้านสายงานสนับสนุน (Back Office) ในรูปแบบหลักสูตร E-Learning จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย คุณอนันตชัย ยูรประถม ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน เป็นวิทยากรในการบรรยาย บริษัทก็ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่องในปี 2566 โดยยังคงเน้นที่การให้ความสำคัญกับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท 4 ประเภท ได้แก่ การลดการใช้พลังงาน และสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณการใช้กระดาษ ลดการใช้ขยะ และของเสีย และลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก ในปีที่ 2565
บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำประปา ขยะและของเสีย และการเกิดก๊าซเรือนกระจก โดยมีการจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานเพื่อรณรงค์และปลูกฝังให้พนักงานเกิดจิตสำนึก และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทมีการจัดกิจกรรม “ทรีนีตี้ 3 R (Reduce Reuse Recycle)” เพื่อส่งเสริมให้ลดการใช้ทรัพยากร และนำทรัพยากรที่ใช้แล้วกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งหาวัสดุ หรือวิธีทดแทนเพื่อลดการใช้ทรัพยากร และใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ช่วยลดโลกร้อน โดยได้นำเสนอกิจกรรมให้พนักงาน
ในปีที่ 2565 บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า น้ำประปา ขยะและของเสีย และการเกิดก๊าซเรือนกระจก โดยมีการจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานเพื่อรณรงค์และปลูกฝังให้พนักงานเกิดจิตสำนึก และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทมีการจัดกิจกรรม “ทรีนีตี้ 3 R (Reduce Reuse Recycle)” เพื่อส่งเสริมให้ลดการใช้ทรัพยากร และนำทรัพยากรที่ใช้แล้วกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งหาวัสดุ หรือวิธีทดแทนเพื่อลดการใช้ทรัพยากร และใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ช่วยลดโลกร้อน โดยได้นำเสนอกิจกรรมให้พนักงานได้ร่วมสนุกและสร้างความตื่นตัว รับรู้ และปลูกจิตสำนึกร่วมกัน ดังต่อไปนี้ ได้ร่วมสนุกและสร้างความตื่นตัว รับรู้ และปลูกจิตสำนึกร่วมกัน ดังต่อไปนี้
การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
1. การบริหารจัดการระบบไฟฟ้า และแสงสว่าง
ตั้งแต่ปี 2562 บริษัทมีแผนดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าแสงสว่างภายในสถานที่ทำงาน จากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงาน LED มาอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2565 บริษัทสามารถเปลี่ยนหลอดไฟฟ้า LED จนครบทุกพื้นที่ของสำนักงานใหญ่ อาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ชั้น 25, 26 และชั้น 29 หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้า LED และปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์ในห้องคอมพิวเตอร์ ทำให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ ในระหว่าง ปี 2562 – 2563 และลดลงต่อเนื่องมากขึ้นในช่วงปี 2563 – 2565 อย่างไรก็ตาม บริษัทตระหนักดีว่าการที่ค่าไฟฟ้าลดลง ส่วนหนึ่งมีผลมากจากพนักงานที่จากที่บ้าน (Work from home) ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 แต่บริษัทก็ยังมีความคาดหวังที่จะคงระดับค่าไฟฟ้าไม่ให้สูงมากนักและยังให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานไฟฟ้าในสถานที่ทำงาน โดยมีการพิจารณาจัดซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในสำนักงานที่มีคุณ สมบัติประหยัดไฟ และปลูกฝังให้พนักงานใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด เช่น ปิดไฟ และปิดหน้าจอ คอมพิวเตอร์ในช่วงพักกลางวัน และหลังเลิกงานทันที
2. การบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์
ฝ่ายคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี่ มีนโยบายการจัดซื้อและเลือกใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยมีการจัดสรรเครื่องคอมพิว เตอร์แบบส่วนบุคคล (Personal Computer) ที่คำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งาน และลักษณะงานของแต่ละบุคคล ซึ่งเริ่มตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ให้มีคุณสมบัติ (Specification) ไม่สูงเกินไปและไม่ต่ำเกินไป โดยเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับมาตรฐาน IS0 14000 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันมลพิษจากสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทยังมีการนำ Virtualization มาใช้ในองค์กร ทั้งแบบ On-Premise และการใช้งานบน Cloud (เฉพาะระบบงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับพ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA) เป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี ทำให้ช่วยลดการใช้งานของ Server และยังลดการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ใน Data Center ส่งผลให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้า และลดการทำงานของระบบทำความเย็น จากการดำเนินการนี้ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทสามารถประหยัดไฟฟ้าที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ไปได้ถึงร้อยละ 30 นอกจากนี้ ยังมีโครงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์กลับมาใช้ใหม่ (Roll-out) โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนการใช้งานตามความจำเป็นของแต่ละบุคคล โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และยังได้มีการรวบรวมคอมพิวเตอร์ที่ยังใช้งานได้ดี เพื่อนำไปบริจาคให้กับ วัด โรงเรียน หรือ หน่วยงานการกุศลอีกด้วย
3. การบริหารจัดการระบบน้ำประปา
บริษัทมีการประสานงานกับทางผู้ให้เช่าอาคารสำนักงาน เพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในห้องน้ำให้เป็นอุปกรณ์ที่ลดการใช้น้ำทั้งหมด เช่น โถสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ โถปัสสาวะชายระบบเซ็นเซอร์ เครื่องจ่ายสบู่เหลวอัตโนมัติ (Automatic Soap Dispenser) ก๊อกน้ำอ่างล้างหน้าอัตโนมัติ เพื่อเป็นการประหยัดน้ำและลดการเปิดน้ำทิ้งโดยสูญเปล่า รวมถึงมีการเปลี่ยนกระดาษชำระ และกระดาษเช็ดมือให้เป็นกระดาษรีไซเคิล โดยมีการติดตั้งในห้องน้ำของสำนักงานทุกชั้นในอาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท ทั้งนี้ จากการดำเนินการดังกล่าว ทำให้เกิดการใช้น้ำประปาอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดทั้งพลังงาน และค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากปีนี้พนักงานได้มีการทำงานจากที่บ้าน (Work from home) ทำให้ปริมาณการใช้น้ำประปาลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 29 หรือกว่าเดือนละ 48 หน่วย และลดลงมาจากปี 63 ร้อยละ 41
การสนับสนุนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
1. การลดปริมาณการใช้กระดาษ
เนื่องจากบริษัทดำเนินธุรกิจด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ กระดาษจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องใช้เพื่อเป็นเอกสารในการทำธุรกรรม หรือหลักฐานยืนยันการทำรายการให้กับลูกค้า เช่น เอกสารเปิดบัญชี เอกสารสัญญาต่างๆ รายงานการเคลื่อนไหวของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ แบบฟอร์มคำขอ ใบรับชำระเงิน ใบเสร็จ แบบฟอร์มต่างๆ เป็นต้น รวมถึงมีการใช้กระดาษเพื่อสนับสนุนการปฎิบัติงานภายในองค์กรของฝ่ายงานต่างๆ ด้วย จากปริมาณการใช้กระดาษที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทมีแนวคิดที่จะปรับปรุงกระบวนการในการปฎิบัติงานกับบุคคล ภายนอก และการดำเนินงานภายในองค์กรของฝ่ายงานต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณการใช้กระดาษ และเป็นการบริหารจัดการการใช้กระดาษให้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ทั้งนี้ บริษัทมีแนวทางในการดำเนินการเพื่อลดการใช้กระดาษ ดังนี้
- บริษัทมีการเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และการแจ้งเตือนการทำธุรกรรมต่างๆ ของลูกค้าผ่านทางช่อง ทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น SMS EMAIL Line@ Facebook - จัดทำระบบ Trinity Member ให้ลูกค้าสามารถเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างๆ ผ่านทาง www.trinitythai.com ได้ด้วยตัวเอง ได้แก่ ระบบการเรียกดูข้อมูลเคลื่อนไหวทางบัญชี สรุปผลตอบแทนการลงทุน สรุปยอดรับ ฯลฯ
- ชำระโอนหลักทรัพย์การฝาก-ถอนหลักประกัน การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว แสดงข้อมูลพอร์ตโฟลิโอหลักทรัพย์ที่ถือครอง รายงานกำไร/ขาดทุน เงินหลักประกันคงเหลือ และปริมาณการซื้อขายข้อมูลรายการซื้อขายย้อนหลัง รายการยืนยันการซื้อขาย (Confirmation) บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ เป็นต้น โดยลูกค้าสามารถเข้าใช้งานอย่างสะดวกโดยผ่าน Application และผ่าน www.trinitythai.com
- บริษัทมีระบบจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าที่เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และได้มีการพัฒนาให้เป็นระบบการจัดการข้อมูล (Management Information System : MIS) ที่มีระบบ มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเรียกดูข้อมูลของลูกค้าได้โดยไม่ต้องจัดพิมพ์เป็นสำเนา หรือจัดเก็บในรูปแบบของแฟ้มเอกสาร
- บริษัทมีการพัฒนาระบบการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์จากรูปแบบการกรอกเอกสารเป็นระบบการเปิดบัญชีทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-opening) โดยร่วมกับบริษัทเซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (SETTRADE) - รณรงค์ให้พนักงานเปลี่ยนช่องทางการสื่อสารภายในองค์กร โดยจัดให้มีการสื่อสารทั้งในองค์กรและนอกองค์กรผ่านทาง EMAIL หรือ LINE แทน พร้อมทั้งเชิญชวนให้ลูกค้าเปลี่ยนมารับเอกสารต่างๆ ผ่านทาง EMAIL ด้วย
- สนับสนุนให้มีกิจกรรมการ REUSE โดยนำกระดาษที่ใช้แล้วหน้าเดียว และกระดาษต่อเนื่องที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาจัดทำเป็นสมุดโน๊ต และ RECYCLE กระดาษที่ใช้แล้วทั้งสองหน้านำไปบริจาคให้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับน้องผู้พิการทางสายตาที่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมน์ และขายให้กับบริษัทที่ผลิตเยื่อกระดาษเพื่อนำไปทำเป็นกระดาษ RECYCLE และนำกลับมาใช้ใหม่ต่อไป
จากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทสามารถลดปริมาณการใช้กระดาษได้จำนวนมาก และยังเป็นการช่วยลดค่าใช้ จ่ายจากการดำเนินการในองค์กร ทั้งค่ากระดาษ ค่าหมึกพิมพ์ ค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง และจัดเก็บเอกสาร รวมถึงการลดปริมาณขยะที่เกิดจากกระดาษที่ใช้แล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้พนักงานสามารถบริหารเวลาให้เหมาะสม ลดเวลาการค้นหาเอกสารต่างๆ ลดความเสี่ยงจากข้อมูลที่อาจจะสูญหาย และความเสี่ยงจากการจัดส่งข้อมูล เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานองค์กรได้เป็นอย่างดี ในแง่ของลูกค้าจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย สามารถลดเวลาจากการขนส่งเอกสาร ไม่ต้องกรอกเอกสารจำนวนมาก และยังสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าในยุคดิจิทัล เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บข้อมูลปริมาณการใช้กระดาษทั้งกระดาษ A4 กระดาษชำระในห้องน้ำ และกระดาษประเภทอื่นๆ ของปี 2565 เพื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการใช้ทรัพยากรกระดาษในปี 2566 ต่อไป
2. ลดการใช้ขยะ และของเสีย
ปัญหาขยะ และของเสียกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ยิ่งจำนวนประชากรในประเทศมีการอุปโภค และบริโภคมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้เกิดขยะ และของเสียมากขึ้นเท่านั้น ขยะบางประเภทสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ บางประเภทสามารถนำมา ใช้ซ้ำ และบางประเภทย่อยสลายยาก หรือต้องใช้เวลานานนับสิบนับร้อยปีเลยทีเดียว บริษัทตระหนักถึงปัญหาขยะ และของเสียดังกล่าว และทราบดีว่าหากมีกระบวนการกำจัดขยะที่ไม่ได้มาตรฐานจะก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงในระยะยาวอาจจะกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ และสุขภาพอนามัยของคนในประเทศอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมีการรณรงค์ให้พนักงานมีจิตสำนึกในการทิ้งขยะ และของเสีย โดยปลูกฝังให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะที่ถูกทิ้งในบริษัทให้เป็นไปตามแนวทางปฎิบัติที่เป็นสากลทั่วโลกเพื่อลดปริมาณขยะ และของเสียซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก่อให้เกิดมลพิษ และเชื้อโรคต่างๆ ในสำนักงาน โดยมีการประชาสัมพันธ์ให้พนักงานเรียนรู้วิธีการทิ้งขยะตามระบบคัดแยกที่กำหนดให้ โดยแยกเป็นขยะเศษอาหาร ขยะพลาสติก ขยะกระดาษ และขยะอิเล็กทรอนิกส์ และจัดให้มีจุดทิ้งขยะตามสถานที่ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ บริษัทได้มีการประสานงานกับอาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารที่บริษัทเช่าเป็นสำนักงานให้มีดำเนินการแยกขยะด้วยเช่นกัน ในปี 2565 บริษัทได้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินการด้านความยั่งยืน โดยรณรงค์ให้พนักงานเข้าใจถึงการบริหารจัดการขยะที่ถูกทิ้งในบริษัทอย่างถูกต้อง และได้ดำเนินการจัดทำโครงการ 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่
2.1 กิจกรรมแยกขยะและของเสีย
บริษัทได้จัดให้มีการแยกขยะ และรณรงค์ให้พนักงานมีจิตสำนึกในการทิ้งขยะและการคัดแยกขยะออกเป็นประเภทต่างๆ โดยมีการจัดซื้อถังขยะ 3 ช่อง แยกขยะออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ขยะกระดาษ โฟม และพลาสติก และเศษอาหาร โดยได้มีการจัดวางถังขยะไว้ในห้องเตรียมอาหารที่ชั้น 25 ชั้น 26 และชั้น 29 อาคารบางกอกซิตี้ทาวเวอร์ และยังมีการจัดตั้งถังขยะดังกล่าวไว้ที่บริเวณห้องประชุม เพื่อให้พนักงานที่เข้าร่วมรับประทานอาหารในห้องประชุม ได้มีการทิ้งขยะให้ถูกต้อง จากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้เป็นการผลักดันให้พนักงานบางคนต่อยอดนำกลับไปใช้ในชีวิต ประจำวัน และเริ่มมีแนวคิดในการแยกขยะกลับไปใช้ที่บ้านของตนเอง ในปี 2565 บริษัทได้เข้าร่วมโครงการ “แยกขวด ช่วยหมอ” โดยเครือข่าย Less Plastic Thailand เพื่อนำขวดพลาสติกไปผลิตเป็นชุด PPE ให้กับแพทย์ และพนักงาน โดยขวดพลาสติก 18 ขวดสามารถใช้ทำชุด PPE ได้ 1 ชุด จากโครงการดังกล่าวบริษัทสามารถรวมจำนวนขวดที่บริจาคได้ 45 ถุง น้ำหนักกว่า 112.50 กิโลกรัม (เฉลี่ย 1 กิโลกรัม เท่ากับขวดพลาสติกประมาณ 30 – 40 ใบ) ซึ่งสามารถนำไปผลิตเส้นใยในการตัดชุด PPE ได้กว่า 219 ชุด นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการประสานงานกับทางอาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ถึงแผนการดำเนินงานในการคัดแยกขยะกับทางอาคารในปี 2566 เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานอีกด้วย
2.2 กิจกรรมจัดการอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานอย่างคุ้มค่า
บริษัทมีการบริหารจัดการอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ อย่างคุ้มค่า ด้วยการนำอุปกรณ์สำนักงานที่ใช้แล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดี นำกลับมาใช้ใหม่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องคิดเลข แฟ้มเอกสาร ซองจดหมาย เป็นต้น ในส่วนของการบริหารจัดการเรื่องการใช้กระดาษ บริษัทยังมีการนำกระดาษที่ใช้แล้วด้านเดียว (REUSE) กลับมาใช้ใหม่ให้คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ โดยนำมาจัดทำสมุดโน๊ต และนำกระดาษที่ใช้แล้วทั้งสองหน้า ไปนำไปบริจาคให้เป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับน้องผู้พิการทางสายตา ที่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมน์ หากกระดาษมีสภาพที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ก็จะขายให้กับบริษัทที่ผลิตเยื่อกระดาษ เพื่อนำทำการย่อยทำลายแบบต้ม และนำเยื่อกระดาษไปผลิตเป็นกระดาษ แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ต่อไป นอกจากนี้ เรายังมีการรณรงค์ให้พนักงานบริษัทงดพิมพ์งานโดยไม่จำเป็น และให้มีการสื่อสารทั้งในองค์กร และนอกองค์กรผ่านทาง EMAIL หรือ LINE แทน พร้อมทั้งเชิญชวนให้ลูกค้าเปลี่ยนมารับเอกสารต่างๆ ผ่านทาง EMAIL ด้วย ในส่วนของกระดาษชำระ ที่ใช้ในห้องน้ำก็จะมีการติดป้ายรณรงค์การใช้กระดาษในห้องน้ำอย่างประหยัด เช่น ให้ใช้กระดาษชำระครั้งละ 1 แผ่นเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในปี 2565 บริษัทมีการจัดการกับเอกสารต่างๆ ที่เก็บไว้นาน และเอกสารบางชนิดได้เปลี่ยนไปเป็นการจัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ จึงทำให้มีแฟ้มเอกสารที่ผ่านการใช้งานแล้ว แต่สภาพดีจำนวนมาก จึงได้นำไปบริจาคให้กับมูลนิธิกระจกเงา และโรงเรียนในถิ่นธุรกันดาร จำนวน 6 แห่ง ได้แก่
2.3 กิจกรรมทรีนีตี้ ลายแทงความดี
บริษัทได้กำหนดแผนงานในการทำกิจกรรม ESG เป็นประจำ โดยเป็นกิจกรรมที่มีความหลากหลาย และได้มีการสอดแทรกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมไปด้วย โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทำกิจกรรม “ทรีนีตี้ ลายแทงความดี” จำนวน 6 กิจกรรม และเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมรวม 5 กิจกรรม ได้แก่ ทุนการศึกษาวันเด็ก โรงเรียนบ้านสือดัง จังหวัดปัตตานี บริจาคปฎิทินเก่าเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอน และเลี้ยงอาหารกลางวันน้องๆ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย กิจกรรมเปิดกรุ แอนด์ เก๊ะขายของ (รูปแบบ Live สด) เพื่อนำเงินที่ได้จากการขายของมาเป็นเงินทุนการศึกษา และช่วยเหลือโรงเรียน มูลนิธิ หรือหน่วยงานที่ต้องการความช่วยเหลือต่างๆ กิจกรรมบริจาคเสื้อผ้า และของเหลือใช้สภาพดีนำไปบริจาคให้สถานสงเคราะห์บ้านคามิลเลียนเพื่อเด็กพิการ เป็นต้น
2.4 ลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก
บริษัทตระหนักดีถึงผลกระทบของการเกิดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563 – 2565) กรุงเทพมหานครเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) อย่างหนัก และกระทบโดยตรงกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัททุกกลุ่ม จึงได้มีความพยายามในการดำเนินงาน หรือจัดกิจกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การสนับสนุนรณรงค์ให้พนักงานการลดการใช้พลังงาน ลดการก่อให้เกิดขยะและของเสีย ลดการใช้อุปกรณ์การจัดเลี้ยงในงานสัมมนา และงานประชุม รวมถึงเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ ที่ย่อยสลายยาก เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดการเพื่อลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก โดยพบว่ากิจกรรมของธุรกิจที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด คือ
1. การใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศในสำนักงาน ในปีที่ผ่านมาบริษัทจึงมีมาตรการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศโดยกำชับให้ฝ่ายอาคารที่ดูแลอาคารสำนักงานหมั่นตรวจสอบระบบปรับสม่ำเสมอตามแผนอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง
2. การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากรถยนต์บริษัท ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีแผนที่จะเปลี่ยนรถยนต์ของบริษัทเป็นแบบขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้า และน้ำมัน (Hybrid) ทั้งหมดภายในปี 2569
3. การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากรถยนต์ของพนักงาน ลูกค้า และนักลงทุนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่บริษัทจัดขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าร่วมโครงการ Care the Bear ซึ่งเป็นโครงการจัดงาน Event โดยคำนึงถือสิ่งแวดล้อม โดยในการจัดงานทุกครั้งบริษัทจะลดการใช้กระดาษ และพลาสติกในทุกส่วนของการจัดงาน งดการใช้โฟม และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากโฟม ลดการใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เลือกใช้วัสดุตกแต่งที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ก่อนวัน เพื่อรณรงค์ผู้มาร่วมงานเดินทางโดยรถยนต์สาธารณะ มีป้ายแจ้งให้ผู้ร่วมงานตักอาหารแต่พอดี และทานให้หมด เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้จัดให้มีการตอบแบบสอบถามการเข้างาน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดการเดินทาง และนำข้อมูลวัดผลกระทบที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในแต่ละกิจกรรมอีกด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บริษัทมีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินการด้านการลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีการดำเนินกิจกรรมที่เป็นการลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมดังกล่าวข้างต้น แต่ยังถือว่าเป็นการดำเนินการทางอ้อม อีกทั้งในปีที่ผ่านมาบริษัทยังไม่มีกิจกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกต้นไม้ ปลูกป่า หรือมีกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นการรณรงค์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง จึงทำให้ยังไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังไม่มีการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ตามมาตรฐานสากลหรือเทียบเท่า
ในปี 2566 บริษัทมีแผนย้ายสำนักงานใหญ่ จากอาคารแบบทั่วไป ไปยังอาคารที่ได้รางวัล LEED หรือ Leadership in Energy & Environmental Design (ความเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม) และจะเริ่มทำโครงการ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรอย่างจริงจังตั้งแต่ ปี 2567 เป็นต้นไป